Saturday, May 29, 2010

Sansern: Jelly would probably make him full

ล่าสุดมติชนออนไลน์ รายงานเมื่อเวลา 19.00 น. วันนี้ (27 พ.ค.) ว่า พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) กล่าวถึงกรณีนายสุธาชัยอดอาหารประท้วง ว่า ที่ผ่านมานักวิชาการรายอื่นที่วิจารณ์ ศอฉ. ก็ไม่ได้มีการควบคุมตัว แต่ ดร.สุธาชัยเป็นบุคคลที่มีหมายจับและมามอบตัวเอง การที่ไม่รับประทานอาหารก็คงทำให้หิว แต่ก็เป็นสิทธิของนายสุธาชัย ทั้งนี้ ศอฉ. ทำตามกรอบกฎหมาย แต่หากท่านไม่ทานอาหารจริง ท่านกินเจเล่ก็คงจะอิ่มอยู่แล้ว


Matichon newspaper (online) report that on 27 May, Colonel Sarnsern Kaewkamnerd, CRES Spokepersons said that Suthachai has a right to perform a hunger strike. Sarnsern also said that there are many academic scholars who also critisised CRES, however in the case of Suthachai, there is an arrest warrant for him and he turned himself in. Sansern comments that not eating any food would probably make Dr. Suthachai hungry, but it's his rights to do so. CRES is performing within legal frame. And if he's not eating any food , eating Jelly should make him full.

Friday, May 28, 2010

'Suthachai' begins hunger strike as CAPO does not let him read books in detention


27th May 2010, Mr. Krisadang Nutcharus, lawyer of Mr. Suthachai Yimprasert, a history professor at Chulalongkorn University, states after having visited Mr.Suthachai at Adisorn Military Camp, Saraburi, that the professor decides to starve in protest since the morning ,because he is not allowed to read any newspaper, listen to the radio, watch the television, or follow the news in any way. Even his textbooks, which are needed for preparing lectures, are forbidden .
Mr. Krisadang says that Mr. Suthachai will carry on hunger strike until he is allowed to read his textbooks and prepare for his lectures. The officer’s prohibition is considered unlawful, since it breaches fundamental rights. Even during emergency enactment, it is not allowed to detain a suspect, only contemporary confinement.


Moreover, Monday 30th May, the date previously set for his release, is a holiday, and today the officer ask the court for the permission to prolong Mr.Suthachai’s detention for more 7 days. As for his living condition, it is not objectionable. Only his wife and his lawyer are allowed to visit him.


On 23rd May, police officer, under CAPO’s name, broke into Mr.Suthachai’s residence to search for items of suspect in it and declared that CAPO would detain him, a suspect according to the emergency enactment. They stated that it is needed to keep him from conducting or co-conducting dangers, and to ask for his cooperation in ending dangers. (Such power is stated in section 11 (1) of the emergency enactment.) Then, on 24th May, at 10:00, Mr. Suthachai, along with Mr. Somyos Preuksakasemsuk, the leader of the 24th  June Democracy Group and the editor of Red News newspaper, surrendered themselves to the officer at Crime Suppression Division, and were sent to Royal Thai Army Cavalry Center, Adisorn Military Camp, Saraburi.


Translated by Paworn C.


'สุธาชัย' อดข้าวประท้วง ศอฉ.คุมตัว ไม่ให้อ่านหนังสือเตรียมสอน





27 พ.ค.53  นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดเผยหลังเข้าเยี่ยมสุธาชัยที่ค่ายอดิศร จังหวัดสระบุรีในวันนี้ว่า สุธาชัยประกาศอดอาหารเพื่อประท้วงตั้งแต่เมื่อเช้าวันนี้ เนื่องจากตั้งแต่ควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้อ่านหนังสือพิมพ์ ฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ หรือติดตามข่าวสารใดๆ แม้กระทั่ง หนังสือวิชาการที่เอาไปด้วยเพื่ออ่านเตรียมการสอนสำหรับปีการศึกษาที่กำลังจะเริ่มนี้เจ้าหน้าที่ก็ไม่ให้อ่าน
กฤษฎางค์ กล่าวว่า สุธาชัยประกาศจะอดข้าวเพื่อประท้วง จนกว่าจะได้อ่านหนังสือเพื่อเตรียมการสอน การกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ถือว่าผิดกฎหมายเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพขึ้นพื้นฐาน แม้แต่ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ระบุห้ามควบคุมตัวหรือประพฤติกับผู้ต้องสงสัยเสมือนนักโทษ ห้ามขังในเรือนจำ ทำได้เสมือนแค่การกักบริเวณเพื่อจำกัดเสรีภาพเป็นการชั่วคราวเท่านั้น
นอกจากนี้ในวันอาทิตย์ที่ 30 พ.ค. นี้จะครบกำหนดควบคุมตัวสุธาชัย 7 วัน แต่เนื่องจากเป็นวันหยุด ในวันนี้เจ้าหน้าที่จึงยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อขอฝากขังต่ออีก 7 วันแล้ว สำหรับความเป็นอยู่ภายในค่ายนเรศวรนั้น สภาพความเป็นอยู่ไม่มีปัญหาและอนุญาตให้เข้าเยี่ยมเฉพาะภรรยาและทนายความเท่านั้น
ทั้งนี้  เมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างอำนาจ ศอฉ.บุกค้นบ้านพักสุธาชัย และแจ้งว่ามีคำสั่งจาก ศอฉ. ให้จับกุมตัว นายสุธาชัย  ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ด้วยความจำเป็นเพื่อป้องกันมิให้กระทำการหรือร่วมกระทำการอันจะทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงหรือเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการระงับเหตุการณ์ร้ายแรง (อำนาจตามมาตรา 11 (1) ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ต่อมาวันที่ 24 พ.ค.เวลา 10.00 น. สุธาชัย พร้อมด้วยนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข  แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนา ประชาธิปไตย และบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ Red News ได้เดินทางเข้ามอบตัวที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) และถูกควบคุมตัวไปที่ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร จ.สระบุรี

สัมภาษณ์ Mark Mackinnon ผู้สื่อข่าว The Globe and Mail ผู้อยู่ในเหตุการณ์วัดปทุมฯ


จาก ประชาไท


Mark Mackinnon ผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์แคนาดา The Globe and Mail ให้สัมภาษณ์ถึงประสบการณ์การต้องเดินทางเข้าออกวัดปทุมฯ เพื่อรายงานข่าวในช่วงที่มีการปราบปรามผู้ชุมนุมของรัฐบาล
Q: ผมเข้าใจว่าคุณคงได้เล่าเรื่องนี้ซ้ำหลายรอบแล้ว แต่ผมก็คงจะต้องขอถามอีกหนหนึ่งว่า วันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างครับ
A: เรื่องเวลานี่ผมไม่แน่ใจเท่าไรนัก คุณสามารถไปดูได้จากทวิตเตอร์ของผมได้นะ น่าจะแม่นยำกว่าความจำของผม เริ่มด้วยผมกับแอนดรูว์ (แอนดรูว์ บันคอมบ์ / Andrew Buncombe) นักข่าวชาวอังกฤษจากหนังสือพิมพ์ The Independent เดินไปตามถนนอังรีดูนังต์เพื่อเข้าไปในพื้นที่ชุมนุม เป็นเวลาประมาณเที่ยง ๆ ได้ที่พวกเราไปถึงบริเวณเวที แล้วก็เดินต่อไปจนถึง FCCT ซึ่งกลายเป็นประเด็นสำคัญขึ้นมาเพราะว่าจากบน FCCT นั้น เราสามารถเห็นภาพการปะทะด้านล่าง และเรายังเห็นระเบิดตามจุดต่าง ๆ จากนั้นเราก็ได้ SMS ซึ่งไม่แน่ใจว่าจาก ศอฉ. หรือเนชั่น หรือว่าเว็บ ThaiVisa.com บอกว่าทหารกำลังพักการปฏิบัติการ แอนดรูว์กับผมเลยคิดว่าน่าจะปลอดภัยที่จะลงไปดูเหตุการณ์ข้างล่างและที่วัดปทุมฯ
เราเดินลงไปที่แยกราชประสงค์ ซึ่งแทบไม่เหลือใครแล้ว เห็นแต่ผู้หญิงคนหนึ่งถือธงอยู่ แล้วเราก็เดินไปถึงวัดประมาณบ่ายโมงหรือบ่ายสองโมง ตอนนั้นน่าจะมีคนอยู่ประมาณ 1,500 คน โดยหลังจากนั้นข่าวก็ออกว่ามีอยู่ 3,000 คน ซึ่งก็เป็นไปได้เพราะผมก็ไม่ได้เดินดูอย่างละเอียด ในวัดนั่นเราก็สัมภาษณ์ผู้คนว่ามา ถึงวัดได้อย่างไร เมื่อเช้าเป็นอย่างไรบ้าง อยู่ในวัดรู้สึกปลอดภัยหรือไม่ ซึ่งบางคนก็ยังรู้สึกไม่ปลอดภัย บางคนเชื่อว่าจะไม่มีใครโจมตีเข้ามาในวัด บางคนคิดว่าทหารนั้นเชื่อไม่ได้ พอประมาณห้าโมงเย็น เนื่องจากเคอร์ฟิวและเราต้องการหาที่ที่ปลอดภัยไว้เขียนข่าว เราก็เดินออกมาที่ถนนไปตามถนนพระราม 1 กลับไปราชประสงค์ แล้วตอนนั้นเราก็คิดว่าต้องมีหมายเลขโทรศัพท์ของคนที่อยู่ในวัดไว้บ้าง เผื่อว่าถ้าสถานการณ์อันตรายมากขึ้นจะได้โทรไปถามข่าวคราวได้
เราเลยเดินกลับมาที่วัด เมื่อถามได้หมายเลขโทรศัพท์บ้างแล้วก็เดินกลับมาด้านหน้า ตอนนั้นเองที่ผมเห็นด้วยตาตนเองว่าที่นอกกำแพงวัดมีคนยิงดอกไม้ไฟสองลูกไป ทางราชประสงค์ ซึ่งเวลานั้นเอง เพื่อนของผม นิค เพทัน วอลช์ (Nick Paton Walsh) จาก Channel 4 อยู่ที่ราชประสงค์ เขาบอกว่ามีทหารอยู่แถวนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็คือมีการยิงเข้ามาอย่างหนักที่บริเวณด้านหน้าของวัด ระหว่างโบสถ์กับประตูหน้า เราหมอบอยู่หลังรถกระบะสีน้ำเงินคันหนึ่ง กระสุนส่วนมากดูเหมือนจะมาจากด้านบน อาจจะเป็นจากรถไฟฟ้าหรือว่าอาคาร ผมก็ได้แค่เดา ภาพนี้คล้ายกับที่ผมคิดไว้ [ชี้ภาพทหารบนรางรถไฟฟ้า จาก นสพ. ข่าวสด ฉบับวันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม 2553] คือผมไม่รู้แน่ชัดว่ามันมาจากข้างบนเพราะมันเริ่มมืดแล้ว แต่ความรู้สึกคือมันมาจากด้านบน และผมทำงานในพื้นที่สงครามมาหลายแห่ง ผมฟังความแตกต่างได้ระหว่างเสียงกระสุนกระทบวัตถุกับเสียงกระสุนวิ่งผ่านไป และตอนนั้นมันเป็นเสียงกระสุนวิ่ง
เราหมอบหลบอยู่หลังรถกระบะสักพักหนึ่ง แล้วก็เริ่มมีการยิงใกล้เข้ามามากจนได้ยินเสียงมันยิงโดนบริเวณรอบ ๆ ตอนนั้นผมกับคนจำนวนมากรอบ ๆ ก็รีบวิ่งไปยังด้านหลังของวัด แต่แอนดรูว์ไม่ได้วิ่งไป เขาคิดว่าหมอบหลบตรงนั้นจะปลอดภัยกว่า คุณสามารถไปตามอ่านที่แอนดรูว์เล่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาได้ แต่สิ่งที่เขาบอกผมก็คือหลังจากหลบอยู่ตรงนั้นสักครู่ เขาก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมาตามถนนพระราม 1 แล้วโดนยิงเข้าที่หลัง เขาพยายามเข้าไปถ่ายรูปแล้วก็โดนยิงเข้าที่ขา
หลังจากนั้น ผมและร็อบ ดอนเนลลัน (Rob Donnellan ล่าม) ก็วิ่งไปที่กุฏิ ตอนที่อยู่ในนั้นเองที่แอนดรูว์โทรมาบอกว่าเขาถูกยิง เราจึงกลับไปที่ด้านหน้า พยายามเข้าไปถึงตัวแอนดรูว์แต่ทำไม่ได้ แต่ก็มีกลุ่มหน่วยกู้ชีพที่นำตัวแอนดรูว์และคนอื่น ๆ ที่ได้รับบาดเจ็บมาที่ด้านหลังซึ่งมีสถานพยาบาลแบบชั่วคราวอยู่ เราถามพวกเขาถึงจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต และได้รับคำตอบว่ามีผู้เสียชีวิต 7 รายและบาดเจ็บ 10 คน หลังจากนั้นผมก็เห็นผู้เสียชีวิตอีกรายตรงหน้า จึงคิดว่าจำนวนทั้งหมดคือ 8 ราย แต่จำนวนในข่าวคือ 6 ราย ผมมีภาพหนึ่งที่ร็อบถ่ายได้ที่ดูเหมือนมีศพ 7 ศพ ทั้ง ๆ ที่น่าจะมีแค่ 6 แต่อาจจะเป็นเรื่องของรูปทรงของผ้าที่ห่อไว้ทำให้ไม่แน่ใจนัก
ตอนนั้นก็มืดแล้ว ประมาณหนึ่งทุ่มหรือสองทุ่ม ผมพยายามโทรศัพท์หากองบรรณาธิการ สถานทูต ผมโทรไปเล่าเหตุการณ์ให้ภรรยาฟัง ซึ่งเธอก็ติดต่อสภากาชาดสากล ผมพยายามโทรหาทุกคน แต่ก็ต้องอยู่ในนั้นอีกราว 3 ชั่วโมงกับผู้คนที่หวาดกลัวมากกับเสียงกระสุนปืนและระเบิดและรอคอยให้เกิดอะไรบางอย่าง จนในที่สุดก็มีหน่วยกาชาดหรือใครก็ไม่ทราบที่ไม่ต้องการเปิดเผยตัว คือทุกคนอยากได้รับการกล่าวถึงยกเว้นคนที่มาช่วยจริง ๆ ทั้งรัฐบาล สถานทูต และหนังสือพิมพ์ผม แต่คนที่มาช่วยจริง ๆ ไม่ต้องการถูกกล่าวถึง เขาโทรศัพท์มาหาผมแล้วบอกว่าจะส่งรถพยาบาลมาที่หน้าประตูและพวกเราต้องพาคนออกไป ตอนนั้นทุกคนในวัดรู้สึกกลัวว่ามันจะเป็นกับดัก ผมจึงเดินออกไปพร้อมกับยกมือ บอกรถพยาบาลว่าผมจะกลับมาอีกรอบ และผมก็แบกเปลพยาบาลเปลแรกไปที่รถด้วยตัวเอง แล้วก็ต้องช่วยแบกเปลทุกอัน มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่กล้าหาญมาก เขาตัวใหญ่ ใส่เสื้อสีขาวมีสัญลักษณ์กาชาด ทำให้เขาไม่รู้สึกว่าเป็นอันตรายเท่าไร
พอขนผู้บาดเจ็บไปหมดแล้ว ผมเห็นว่าเหลือรถพยาบาลว่างอยู่หนึ่งคันก็เลยถามเจ้าหน้าที่ว่าผมกลับไปพาเด็กมาขึ้นรถออกไปได้ไหม เขาตอบว่าไม่ได้ เพราะจะผิดข้อตกลงเรื่องหยุดยิง ซึ่งให้นำแค่เปลและคนบาดเจ็บออกไปเท่านั้น ผมเถียงกับเขาแต่เขาก็บอกว่าไม่ และจะนำรถออกไปแล้ว ผมจึงกลับไปบอกคนในวัดว่าพวกเจ้าหน้าที่สัญญาว่าจะกลับมารับเด็กและผู้หญิงในตอนเช้าถ้ายังมีการต่อสู้กันอยู่ คือให้ร็อบช่วยแปลให้ แต่ผู้คนฟังแล้วก็ไม่ค่อยดีใจเท่าไรนัก จากนั้นเราก็แบกแอนดรูว์ออกไปเป็นคนสุดท้าย ซึ่งรถพยาบาลคันนั้นก็เกือบขับออกไปแล้วแต่พวกเราก็ขึ้นไป จริง ๆ ผมควรอยู่ที่นั่นต่อในคืนนั้นและผมก็รู้สึกแย่ที่ไม่ได้อยู่ แต่ผมก็ต้องออกมาเขียนข่าว
ผมไม่รู้ว่าคันอื่นขับไปที่ไหนแต่คันที่ผมนั่งนั้นมาส่งแอนดรูว์กับชายอีกหนึ่งคนที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เขาทำการผ่าตัดให้แอนดรูว์ในคืนนั้นเลยและผ่าตัดอีกครั้งในวันศุกร์เพราะยังเหลือเศษกระสุนอยู่ ซึ่งตอนนี้ก็ยังเหลืออยู่นิดหน่อย เจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์มาที่โรงพยาบาลและตรวจดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา เจ้าหน้าที่บอกเราว่ามันดูเหมือนแผลจากกระสุนความเร็วสูงกระทบใกล้ ๆ เขาและแตกกระจายออก ทำให้มีรอยแผล 6 รอย และมีเศษทองแดงกับเศษตะกั่วอยู่ข้างในแผล หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พยายามบอกว่ามันอาจจะเป็นแผลจากระเบิด ซึ่งไม่ได้น่าเชื่อถือเท่าไรนักเพราะพวกเขามีหลักฐานอยู่แล้ว ทำไมจะระบุไม่ได้
Q: คุณรู้สึกอย่างไรบ้างที่เป็นหนึ่งในนักข่าวไม่กี่คนที่ติดอยู่ในเหตุการณ์นั้น
A: ผมประหลาดใจเล็กน้อย คือนึกว่าใคร ๆ ก็จะไปที่นั่นเสียอีก แต่ที่นั่นมันน่ากลัวผมเลยเข้าใจว่าทำไมคนถึงออกไปจากที่นั่น ผมรู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่แย่มาก ผมคิดว่าถ้ามีการช่วยเหลือมากกว่านั้น สถานการณ์คงจะจบลงดีขึ้นกว่าที่เห็น เพราะว่ามีการหยุดยิง ความรุนแรงจึงหยุดลง ผมเคยทำงานในมาเลเซีย 4 ปี เคยไปที่อิรัก ฉนวนกาซ่า เลบานอน แต่คืนนั้นเป็นคืนหนึ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตของผม
Q: ในฐานะสื่อมวลชนในเหตุการณ์นี้ คุณพบความลำบากหรืออุปสรรคอะไรบ้าง
A: ผมไม่ค่อยมีปัญหากับการรายงานข่าวจากสถานที่อันตราย ผมคิดว่าสิ่งที่ท้าทายที่สุดอย่างหนึ่งก็คือประเด็นบางอย่างที่คุณไม่สามารถพูดได้อย่างอิสระ หรือผู้คนกลัวที่จะพูดถึง แล้วก็เรื่องสื่อไทย คือเวลาคุณไปที่ไหนคุณก็จะต้องอาศัยสื่อท้องถิ่นในการรับข้อมูลข่าวสาร แล้วสื่อไทยดูเหมือนจะแบ่งพรรคแบ่งพวกกันอย่างมาก แล้วก็เล่าเรื่องด้านเดียว เหตุการณ์เลยกลายเป็นว่าสื่อต่างประเทศมีความเป็นกลางและน่าเชื่อถือมากกว่า และในขณะเดียวกันสื่อใหม่ก็มีบทบาทมากขึ้นอย่างมาก เช่นคนก็จะละทิ้งช่องทางปกติมาหาข้อมูลในทวิตเตอร์และเฟซบุคแทน น่าประทับใจทีเดียว
รัฐบาลก็ตั้งข้อสงสัยกับพวกเราบ้างอย่างมีเหตุผล พวกเขาให้เราเข้าถึงถ้าเราขอ ทหารก็เป็นมิตรดี กลุ่มคนเสื้อแดงก็เป็นมิตรดี ทุกคนดูเหมือนจะเข้าใจว่านักข่าวต่างชาติไปอยู่ที่นั่นทำไม ดังนั้นเรื่องที่มีเพื่อนของผมถูกยิงเสียชีวิตก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องหาความจริงต่อไปว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
สิ่งที่แปลกที่สุดสำหรับผมก็คือความเข้มงวดในการพูดถึงเรื่องบางเรื่อง และเรื่องที่การหลบในที่หลบภัยที่เป็นกลางนั้นไม่ได้ช่วยป้องกันอะไร

สั่งฝากขัง 7 วัน 2 ฝรั่ง ผิด พ.รก.ฉุกเฉิน เหตุขึ้นปราศรัยเวที นปช.


จาก ประชาไท
(27 พ.ค.) ที่ศาลแขวงปทุมวัน ถนนพระราม 4 พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ควบคุมตัว นายคอลแชล คอนเนอร์ เดวิด สัญชาติ ออสเตรเลีย ครูสอนภาษา และ นายชาเวซ เจฟฟรี ฮัท สัญชาติอังกฤษ ผู้ต้องหา ในความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 กรณีขึ้นเวทีปราศรัยกลุ่ม นปช.เมื่อวันที่ 18-20 พฤษภาคม ที่ผ่านมา บริเวณแยกวิทยุ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ รัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 7 วัน ไปจนถึงวันที่ 3 มิถุนายนนี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีกหลายปาก

ศาลพิเคราะห์คำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้ว ไม่ค้าน จึงมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังได้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวส่งไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป

2 Foreigners detained for 7 days for violating Emergency Act , having a speech on UDD's stage

The investigation officer from Lumpini Police Station took Mr. Colsal Conner David, Austrain language teacher and Mr. Chavez Jeffry Hut, Citizen, to Pathumwan District Court as guilty of Emergency Act violation by having public speech on UDD's stage at Witayuh Junction during 18th-20th May under the Emergency Act declared by the government.

The investigation officer requested the jurisdicial power for first detention for 7 days, until 3rd June. Since they claimed that the investigation hasn't finished and further investigations are needed.

The court considered and accepted the request for detention and also authorized the officers to bring them to the Bangkok Remand Prison.

Thursday, May 27, 2010

Underground reds under watch






from Bangkok Post
Published: 27/05/2010 at 12:57 PM
Online news: Politics

Intelligence reports reveal that red-shirts in many parts of the country are forming an underground movement, Special Branch chief Pol Lt-Gen Treethos Ronnaritwichai said on Thursday.

He said the reports had been gathered since the operation to break up the United Front for Democracy against Dictatorship protest  at Ratchaprasong on May 19. He refused to disclose any details

He had set up a task force of special branch police to follow the underground movement's activities throughout the country.

สันติบาล" เผยตั้ง "หน่วยเฉพาะกิจ" ติดตามใกล้ชิด ความเคลื่อนไหว "คนเสื้อแดงใต้ดิน" ทั่วประเทศ
(26 พ.ค.) พล.ต.ท.ตรีทศ รณฤทธิ์วิชัย ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) กล่าวว่า หลังจากเหตุการณ์ทหารปฏิบัติการเข้ากระชับพื้นที่ ผู้ชุมนุมเสื้อแดงราชประสงค์ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงประกาศยุติการชุมนุมเข้ามอบตัว ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในทางการข่าวตำรวจสันติบาล ยอมรับว่า มีขบวนการแดงใต้ดินกำลังรวมตัวกันอยู่จำนวนมาก ซึ่งในทางการข่าวเชิงลึกไม่สามารถให้รายละเอียดเปิดเผยได้ เพราะจะเป็นอุปสรรคในการทำงาน แต่ได้สั่งการตั้งหน่วยเฉพาะกิจเพื่อเฝ้าติดตามกลุ่มคนเสื้อแดงใต้ดินอย่างใกล้ชิดในพื้นที่ทั่วประเทศแล้ว

ส่วนแนวโน้มว่ากลุ่มแดงใต้ดินจะมีความรุนแรงหรือไม่นั้น ผบช.ส.กล่าวว่า คงต้องใช้เวลาวิเคราะห์ระยะหนึ่ง แต่ก็น่าเป็นห่วงว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งถ้าบอกแล้วสันติบาลก็ทำงานไม่ได้


ที่มา: เรียบเรียงจากกรุงเทพธุรกิจ มติชน

Photo Gallery : Soldiers on BTS track above Pathumwanaram Temple aimed at demonstrator

Translated from Prachatai 
Thu, 2010-05-27 01:50


Shocking photos sent from a volunteer reporter during the incident at Pathumwanaram Temple on 19th and 20th May show all 6 shot dead and armed soldiers on BTS track with same marking tags as those attacking the the demonstrators on the 19th. As the Central of Resolution of Emergency Situation (CRES) refused and claimed that the armed soldiers were at Siam BTS Station, the National Human Right Committee claims the evidences are insufficient to ensure that the shots were from soldiers









(For all photos go to the link above)


19th May incident

The photos sent from the volunteer reporter were captured on the 19th May ,showing a number of soldiers near Siam BTS Station aiming at the demonstrators in the area of Pathumwanaram Temple below, in which many hundred demonstrators ran for cover.

The photos captured on the 20th May, the day after the police took the demonstrators from inside out to safety, show the soldiers still in position on the BTS track near Siam BTS Station. Gunfires from the earlier night resulted in 6 dead civilians. The bodies remain inside Pathumwanaram Temple.

After verifying these photos, the armed force near the Siam BTS Station and on the BTS track appeared to be the same armed force employed in the "Operation Rachaprasong", noted from the similar glossy pink stickers on the helmets.
Military claimed, soldier were only at the Station not approaching into the area.
Yesterday, 26th May, prior to the daily meeting of the CRES in the Army Headquarter, the internal meeting between intelligence and operation division took place, to prepare information for clarify to the parliament.  The Special Force Headquarter clarifies the clash at Pathumwanaram Temple and confirms that there was no gunfires shot into the temple, since they only approached to Siam BTS Station.



 Human Right Commission : Insufficient evidence on the gunfires
Mrs. Amara Pongsapitch, president of the National Human Right Commission, said, the incident resulting 6 shot dead in front for Pathumwanaram Temple still has no clear evidence of any shooter, the photos just show soldiers standing on the BTS track, more factors and contexts are needed. Doctor Chuchai Supawong, secretary of the National Human Right Commission, said,the photos point to no conclusion that there was the soldier's shot.


Suthep warned media not to fall for the terrorist. 
Suthep Teougsuban, vice-Prime minister of security spoke of the clarification of the evidences and witnesses of the killing occurred in the Temple given by Pheu Thai Party and warned the media for careful publication of news and not to be convinced and become a tool by the terrorist and added that, those who lie has been only certain group. while Abhisit Vetjashiwa said in the CRES conference on 25th May of worry about the incident at Pathumwanaram Temple and demanded those who are responsible to prapare the facts and information to declare, especially the sensitive cases which could possibly lead to harm consequences.


Translated by Nakarin Visitsin

Bloody May on Al Jazeera

Wednesday, May 26, 2010

วงสัมมนาสื่อที่ มธ. เสนอเชิญแดน ริเวอร์ส แจงกรณีการรายงานข่าว






จาก ประชาไท


ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมโทรทัศน์ดาวเทียมเสนอคว่ำบาตรซีเอ็นเอ็น หลังกระแสวิจารณ์ซีเอ็นเอ็นเข้าข้างเสื้อแดง ใช้ท่าทีไม่เหมาะสมต่อสถาบันฯ ด้านผู้เสวนาเห็นต่าง เสนอให้โอกาส แดน ริเวอร์สชี้แจงข้อเท็จจริง





(24 พ.ค.) ในงานสัมมนาที่คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในโครงการระดมความคิดเห็นต่อบทบาทของสื่อต่างประเทศในการรายงานข่าวเกี่ยวกับการเมืองของประเทศไทย นายนิพนธ์ นาคสมภพ ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมโทรทัศน์ดาวเทียม (ประเทศไทย) ซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการของงานวันนี้ ได้ประกาศข้อเสนอ 4 ข้อต่อทางออกที่สังคมไทยควรจะปฎิบัติต่อซีเอ็นเอ็

ทั้งนี้สืบเนื่องจากที่มีการวิพากษ์ว่า สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นรายงานข่าวไม่เป็นกลางต่อสถานการณ์ชุมนุม โดยเข้าข้างผู้ชุมนุมฝ่ายเสื้อแดง เช่น การเสนอข่าวว่าผู้ชุมนุมไม่มีอาวุธ รวมถึงในหลายสถานการณ์ที่ซีเอ็นเอ็นไม่ได้ไปทำข่าวในพื้นที่จริงแต่กลับรายงานเหมือนอยู่ในสถานการณ์ ทั้งที่ผู้สื่อข่าวรายงานจากห้องพักของเขา ซึ่งนายนิพนธ์เห็นว่า การรายงานข่าวของซีเอ็นเอ็นนั้นเป็นการรายงานในมุมแบบอัตวิสัย (Subjective) และยังแฝงอคติ ไม่ได้รายงานบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงทั้งหมด อีกทั้งยังมีรายการโทรทัศน์ที่ชื่อ Rick's List ที่ผู้ดำเนินรายการใช้ท่าทีที่ไม่เหมาะสมต่อสถาบันกษัตริย์ ซึ่งนายนิพนธ์ กล่าวว่า เมื่อซีเอ็นเอ็นไม่เคารพประเทศไทย ในนามของทีวีดาวเทียมขอเสนอข้อเสนอ 4 ข้อ ได้แก่
หนึ่ง ขอให้สมาชิกทีวีดาวเทียมตัดสัมพันธ์และยกเลิกสัญญากับซีเอ็นเอ็น
สอง ขอให้รายการที่ซื้อลิขสิทธิ์และแพร่ภาพออกอากาศ ทั้งที่เป็นฟรีทีวีและเคเบิลทีวี ยกเลิกสัญญาการรับและใช้ประโยชน์จากซีเอ็นเอ็น
สาม ขอให้องค์กรต่างๆ ทั้งที่เป็นหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ตัดความสัมพันธ์ยกเลิกการสนับสนุน ยกเลิกการเป็นสมาชิกกับซีเอ็นเอ็น
สี่ ขอให้ประชาชนเลิกดูซีเอ็นเอ็น และเลิกรับสมาชิกจากองค์กรที่ยังมีรายการของซีเอ็นเอ็น เพื่อเป็นการตัดรายได้
จากข้อเสนอนี้ ปรากฏว่าผู้ที่เข้าร่วมในงานสัมมนาแสดงความเห็นกันอย่างต่อเนื่องว่าไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว
นายนิพนธ์ จึงสรุปงานวันนี้ว่า นอกจากข้อเสนอให้สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศจัดงานโดยเชิญนายแดน ริเวอร์สมาร่วมด้วยแล้ว จะมีการทำจดหมายท้วงติงไปยังซีเอ็นเอ็น และจะตั้งคณะกรรมการที่ติดตามการทำงานในเรื่องนี้ด้วย


Participants of a press seminar at Thammasat University suggest inviting Dan Rivers to make a statement about his news reporting.
Mon, 2010-05-24 16:04

Honorary president of Satellite Television Association (Thailand) suggests boycotting CNN, as it is regarded that CNN takes the Red Shirt’s side and speaks inappropriately about the monarch. Other participants of the seminar, however, disagree; they suggest that Mr. Dan Rivers should have a chance to make a statement.

 (24th May) During a seminar held to discuss the role of foreign press in dealing with Thai political situation, at the Faculty of Journalism and Communication, Thammasat University, Mr. Nipon Naksompop, honorary president of Satellite Television Association (Thailand), announced 4 suggestions about the stance Thai society should take towards CNN.

There have been criticisms towards CNN for biased news report, for being too sympathetic with the Red Shirt, such as reporting that the protesters have no weapon or reporting news as though the reporters were in the situation although they are reporting from their residence. Mr. Nipon said that CNN’s news report is subjective, prejudiced and not always based on facts. There is also a show, called ‘Rick’s List’, in which the host has an inappropriate attitude towards Thai royalty. On behalf of STAT, Mr. Nipon stated that, as CNN does not respect Thailand, Thai society should do the following:

1. Thai satellite televisions should stop broadcasting and cut their contract with CNN.
2. Both free television and cable television should take CNN’s programme off their schedules and cancel their contract; they should not profit from those programmes.
3. Organisation, both private and the government’s, should stop their membership and their support for CNN.
4. Thai citizens should stop watching CNN, and cancel their membership with organisations which still have contact with CNN, in order to cut CNN’s profit.

The suggestions caused continuous disagreement from participants of the seminar.

As a result, Mr. Nipon concluded that the Foreign Correspondents' Club of Thailand should hold another seminar with Mr. Dan Rivers invited, and there will be a complaint letter to CNN. Then he will assign a committee to follow the issue.


Translated by P. Clover

Sunday, May 23, 2010

สุธาชัยโดนด้วย ศอฉ.สั่งจับ ระบุป้องมิให้ก่อเหตุร้ายฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

(23 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามไปยัง สน.พญาไท กรณีมีหมายค้นบ้านนายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลว่ามีทั้งหมายค้น และหมายจับ ตามคำสั่ง ศอฉ. โดยระบุว่า เพื่อป้องกันมิให้นายสุธาชัยร่วมกับผู้อื่นก่อเหตุร้าย อันจะเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงให้จับกุมตัว

ด้านนายสุธาชัย ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่ทราบว่าถูกหมายจับด้วยสาเหตุใด อย่างไรก็ตาม จะเดินทางไปรายงานตัวในวันพรุ่งนี้ และเตรียมนายประกันไว้

Prof. Suthachai, History Professor at Chulalongkorn University received arrest warrant.  

(23 May 2010) According Phyathai Police Station, there are both house search warrant and arrest warrant according to the order of CRES of Prof. Suthachai Yimprasert, professor at Department of History, Faculty of Arts, Chulalongkorn University. The authorities explain the act is to prevent Mr. Suthachai and others from organizing terrorist act which violates the emergency decree.


On the other hand, Mr.Suthachai said that he does not know with what charge he is to be arrested. However, he will report himself at CRES tomorrow and prepare a lawyer.



Translated by Sorravis T.

Detained in my Bangkok hotel — but when people are dying, that’s no big deal

From The Times

May 22, 2010
By Richard Lloyd Parry

The soldiers were at full readiness, helmets on, Kevlar armour strapped in place, M16 rifles in hand. They might have been preparing to storm a stronghold of Red Shirt anti-government protesters or swoop on a cell of terrorist bomb-makers — but this was the corridor of a five-star hotel in central Bangkok, and the object of their stern attention was me.

For 2? hours yesterday I was detained in my room as their comman-der, who refused to identify himself, examined the photographs on my poc-ket camera. By the current standards of Bangkok, where hundreds of people, including foreign reporters, have been killed or injured in the past eight days, it was a trivial incident. But it was a lesson in the enormous changes that the political crisis has brought to this society.

Thais, who used to be among the freest people in South-East Asia, now live under legal strictures more often associated with a military dictatorship. Since a state of emergency was declared six weeks ago, authorities can impose curfews, detain suspects without trial and overrule civilian officials — all without fear of prosecution. Bangkok felt a little more normal yesterday, two days after a series of arson attacks that followed the collapse of the two-month protest by Red Shirts demanding that Abhisit Vejjajiva, the Prime Minister, hold new elections.

At least 16 people died on Wednesday alone, almost all of them Red Shirts, shot dead as soldiers advanced on the protesters’ rallying point.

The body of another man was recovered yesterday from the shell of Central World, a shopping mall in the centre of Bangkok that suffered partial collapse on Wednesday after being set on fire by protesters. Yesterday the Government lifted its curfew in the seaside resort of Pattaya, but one remained in force in Bangkok and 22 provinces.

“We have restored order in the capital of Bangkok and the provinces of Thailand,” Mr Abhisit announced in a television broadcast. “We have been able to do this with the co-operation of government officials, volunteers and, of course, the people of Thailand.

“We will continue to move swiftly to restore normalcy, and we recognise that as we move ahead there are huge challenges ahead of us. The operation was within the law and complied with international practice.”

In imposing its will, however, the Government has at its disposal powers enjoyed more often by the world’s most repressive governments.
Since the state of emergency came into effect on April 7, Mr Abhisit has worked not out of his civilian offices in Government House, but from the headquarters of Bangkok’s 11th Infantry, home to the Centre for the Resolution of the Emergency Situation, the ad hoc body that, in effect, runs the country.

That body has used its powers to issue compulsory summonses to politicians, businessmen, activists, academics and broadcasters to respond to allegations of involvement in the protests.

It has frozen more than a hundred bank accounts belonging to people and businesses believed to be connected with the Red Shirts or Thaksin Shinawatra, the deposed Prime Minister.

It has blocked or shut down websites — 400 by the end of last month — as well as television channels and radio stations perceived to support the Red Shirts, while the country’s lively and independent press has become increasingly cowed and unquestioning in its support of Mr Abhisit’s Government. One example stood out from yesterday’s edition of the English-language paper The Nation, which reported that defeated Red Shirt protesters sent from Bangkok to their homes in the provin-ces wept “tears of joy” as they left.

The state of emergency allows the authorities to detain suspects without charge in places other than conven-tional remand centres. Yesterday the media published, with some amusement, photographs of the rather attractive villas on a police base where the arrested Red Shirt leaders are being held. The point about them is not that they are pleasantly roomy, but that they are hours away from Bangkok and that, under the emergency decree, suspects have no guarantee of access to their lawyers and families.

Given these powers, looking into hotel rooms is a minor detail. I was not singled out for a search; the soldiers, I was informed, were going from building to building looking for suspicious people and objects before reopening the road on which the hotel stands, overlooking the Red Shirt protest site.

The uniformed officer looked into my suitcase and bags and poked at my set of bulletproof body armour. It was then that he noticed the small digital camera that I had placed on a table as a precaution, recording the scene.

On learning that he was being recorded, he took offence and disappeared downstairs, leaving me with my three guards. The camera was returned to me with the recording of the search deleted; nothing else was confiscated.

While the men with the M16s sat outside my door yesterday I telephoned a Thai lawyer friend and asked him, rather naively, whether the soldiers had a right to go through my things.

“They can shoot people on the streets,” he pointed out. “They can certainly search your hotel room.”

----------------------
ผู้สื่อข่าว "ไทม์ส ออนไลน์" เผยถูกทหารตรวจค้นห้องพัก พร้อมลบภาพในกล้องถ่ายรูป 
จาก มติชนออนไลน์"ริชาร์ด ลอยด์ แพร์รี่" ผู้สื่อข่าว "ไทม์ส ออนไลน์" ที่เคยสัมภาษณ์ "ทักษิณ" เผยถูกทหารเข้าตรวจค้นห้องพักในโรงแรมย่านราชประสงค์ ก่อนโดนลบภาพในกล้องถ่ายรูป 
ริชาร์ด ลอยด์ แพร์รี่ ผู้สื่อข่าวของไทม์ส ออนไลน์ เขียนรายงานข่าวในวันที่ 22 พฤษภาคมว่า เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ทหารซึ่งมีอาวุธปืนเอ็ม 16 อยู่ในมือ ได้เข้ามาตรวจค้นห้องพักของเขาในโรงแรมห้าด้วยแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพมหานคร

แพร์รี่ระบุว่า เมื่อวาน เขาถูกกักตัวไว้ในห้องพักดังกล่าวโดยคำสั่งของเจ้าหน้าที่ทหารเป็นเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง เจ้าหน้าที่เหล่านั้นปฏิเสธที่จะแนะนำว่าตนเองเป็นใคร มาจากไหน ทั้งยังได้ทำการตรวจค้นรูปภาพในกล้องถ่ายรูปของเขา ผู้สื่อข่าวจากสหราชอาณาจักรระบุว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันในกทม. ที่ประชาชนนับร้อย รวมทั้งผู้สื่อข่าวต่างชาติ ถูกยิงเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ ในช่วงเวลา 8 วันที่ผ่านมา จึงทำให้เขาไม่ได้รู้สึกตกใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเองมากนัก อย่างไรก็ตาม นี่เป็นบทเรียนที่ชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ถูกนำมาสู่สังคมไทยโดยวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น

แพร์รี่ได้ลำดับเหตุการณ์การตรวจค้นดังกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทหารที่ทำการตรวจค้นห้องพักแจ้งให้เขาทราบว่า 
ห้องพักของเขาไม่ใช่ห้องเดียวที่ถูกตรวจค้น แต่เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นทุกอาคารในย่านนั้นซึ่งตั้งอยู่บริเวณที่เคยเป็นสถานที่ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อสอดส่องหาบุคคลและวัตถุต้องสงสัย ก่อนที่จะมีการเปิดถนนในย่านดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ทหารได้ตรวจสอบกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าถือ รวมทั้งชุดเกราะป้องกันกระสุนของแพร์รี่ จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้สังเกตเห็นกล้องดิจิตอลแบบพกพาของเขาซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ เพื่อเตรียมการล่วงหน้าไว้สำหรับบันทึกภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารพบว่าตนเองถูกบันทึกภาพไว้ในกล้องถ่ายรูป เขาจึงแสดงอาการโกรธเคืองและเดินลงไปที่ชั้นล่างของโรงแรม และให้ทหารอีก 3 นาย คอยควบคุมตัวแพร์รี่ไว้ จากนั้น กล้องถ่ายรูปดังกล่าวก็ถูกนำมาคืนให้แก่เจ้าของ โดยที่รูปของเจ้าหน้าที่ทหารรายนั้นได้ถูกลบทิ้งไป ขณะเดียวกัน ไม่มีสิ่งของอื่นใดของผู้สื่อข่าวต่างชาติรายนี้ที่ถูกยึดไปอีก

ในขณะที่เจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธปืนเอ็ม 16 นั่งอยู่ภายนอกห้องพักของเขา แพร์รี่ได้โทรศัพท์ติดต่อกับเพื่อนทนายความชาวไทย เพื่อสอบถามว่าทหารมีสิทธิที่จะตรวจค้นทรัพย์สินของเขาหรือไม่ ก่อนที่เพื่อนคนดังกล่าวจะระบุว่า 
"พวกเขาสามารถยิงประชาชนบนท้องถนนได้ ดังนั้น จึงเป็นที่แน่นอนว่า พวกเขาสามารถตรวจค้นห้องพักของคุณได้"

ทั้งนี้ ริชาร์ด ลอยด์ แพร์รี่ คือนักข่าวผู้เคยทำการสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบทสัมภาษณ์ดังกล่าวที่ถูกนำไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ "ไทม์ส ออนไลน์" ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในสังคมไทย



Saturday, May 22, 2010

ประธานมนตรีวอลลูน (Walloon) รูดี เดอมอตต์ ตัดสินใจระงับใบอนุญาตส่งออกอาวุธไปยังประเทศไทย

Le ministre-président wallon, Rudy Demotte, a décidé de
suspendre les licences d’exportation d’armes vers la Thaïlande.


Le ministre-président wallon, Rudy Demotte, a décidé dimanche de suspendre les licences d’exportation d’armes vers la Thaïlande, plongée dans une grave crise politique, a indiqué mardi son cabinet, confirmant une information publiée sur le site internet de la RTBF.



Les services wallons suivent depuis plusieurs semaines la situation dans ce pays en proie à des déchirements meurtriers. Ils ont contacté les entreprises concernées, qui elles-mêmes se montraient déjà très prudentes, a-t-on expliqué chez M. Demotte. Les exportations sont suspendues jusqu’à un rétablissement de la situation en Thaïlande.



L’entreprise de fabrication d’armes FN Herstal, qui est a décroché des contrats en Thaïlande, a été informée officiellement mardi de la décision des autorités wallonnes.




« Nous respecterons cette décision et nous attendons la suite », a expliqué le porte-parole de l’entreprise, Robert Sauvage.

(D’après Belga) 




ประธานมนตรีวอ ลลูน (Walloon) รูดี เดอมอตต์ ตัดสินใจระงับใบอนุญาตส่งออกอาวุธไปยังประเทศไทย

เมื่อวันคาร (18 พ.ค. 2553) คณะมนตรีของประธานมนตรีวอลลูน (Walloon) ยืนยันข่าวที่ถูกเสนอในเวปไซต์ของ RTBF ว่า ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (16 พ.ค. 2553) นายรูดี เดอมอตต์ ประธานมนตรีตัดสินใจระงับใบอนุญาตส่งออกอาวุธไปยังประเทศไทย หลังจากที่ประเทศไทยตกอยู่ภายใต้วิกฤตทางการเมืองที่ร้ายแรง

หน่วย งานของวอลลูนได้ติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งที่เป็นอันตรายถึงขีดสุดซึ่ง ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่มาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ พวกเขาได้ทำการติดต่อบริษัทต่างๆที่เกี่ยวข้องและบริษัทเหล่านี้มีท่าที ระมัดระวังมาระยะหนึ่งแล้ว การส่งออกได้ถูกระงับจนกว่าสถานการณ์ในไทยจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง


บริษัท FN Herstal ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาวุธและเป็นคู่ค้ากับประเทศไทยได้รับแจ้งการตัดสินใจของ ภาครัฐวอลลูนอย่างเป็นทางการเมื่อวันอังคาร


"เราเคารพการตัดสินใจครั้งนี้และอยู่ ระหว่างการรอ" คุณโรเบริ์ต โซวาช โฆษกของบริษัทกล่าว

ที่มา สำนักข่าวเบลกา