Sunday, May 16, 2010

นิค นอสติทซ์ ในโซนฆ่าฟัน

http://www.fringer.org/wp-content/writings/nostitz-killing-Thai.pdf


แปลจาก Nick Nostitz in the killing zone, ตีพิมพ์ครั้งแรกบนเว็บไซต์ New Mandala, http://asiapacific.anu.edu.au/newmandala/2010/05/16/nick-nostitz-in-the-killing-zone/
โดย สฤณี อาชวานันทกุล



งานนี้เผยแพร่ภายใต้ลิขสิทธิ์ Creative Commons แบบ Attribution Non-commercial Share Alike (by-nc-sa) โดยผู้สร้างอนุญาตให้ทาซ้า แจกจ่าย แสดง และสร้างงานดัดแปลงจากส่วนใดส่วนหนึ่งของงานนี้ได้โดยเสรี แต่เฉพาะในกรณีที่ให้เครดิตผู้สร้าง ไม่นาไปใช้ในทางการค้า และเผยแพร่งานดัดแปลงภายใต้ลิขสิทธิ์เดียวกันนี้เท่านั้น

ตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่บ้าน สงสัยว่าวันนี้ วันที่ 15 พฤษภาคม เกิดขึ้นจริงหรือเปล่า หรือเป็นแค่ฝันร้ายน่าสยดสยองเท่านั้น ตลอดชีวิตผมไม่เคยรู้สึกกลัวเท่ากับวันนี้ วันนี้ผมคิดว่าผมจะตาย
ช่วงเที่ยงที่ผ่านมาผมไปสังเกตการณ์การชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดง มีผู้ชุมนุมอยู่ประปราย อย่างมากไม่กี่ร้อยคน มีเศษชิ้นส่วนที่หลงเหลือจากการปะทะกันเมื่อคืนจานวนมาก รถบรรทุกทหารที่ถูกเผาคันหนึ่งยังคุกรุ่น ผู้ชุมนุมขนยางรถยนต์มาสุมเป็นด่าน เอารถฉีดน้าของเทศบาลเข้ามาคันหนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้ชุมนุมย้ายรถฉีดน้าไปตามถนนราชปรารภ มุ่งหน้าไปทางแนวของทหาร เพื่อใช้เป็นด่านป้องกันการยิงจากกองทัพ ผู้ชุมนุมบางคนย้ายยางรถยนต์หลายสิบอันมากองสุมเป็นด่าน คนหนึ่งชูหนังสติ๊กเล่นหน้ากล้องของพวกเราเหล่าช่างภาพ – “เห็นมั๊ย นี่ไงอาวุธที่เราใช้สู้กับทหาร”

“เห็นมั๊ย นี่ไงอาวุธที่เราใช้สู้กับทหาร”

ผู้ชุมนุมย้ายยางรถยนต์ไปตามถนนอีก ไปกองหน้าปั๊มน้ามันเชลล์ใกล้กับซอยรางน้า ผมหาที่กาบังในปั๊มเผื่อกองทัพจะเริ่มยิง และกองทัพก็เริ่มยิงทันที บนถนนถัดจากผมไปประมาณ 5 เมตร ผู้ชุมนุมกลุ่มเล็กๆ ติดอยู่หลังกองยางรถยนต์ขณะที่กระสุนวิ่งผ่านหัว มันทาเสียงน่าสะอิดสะเอียดเวลาแล่นโดนผู้ชุมนุมที่เพิ่งพูดเล่นกับเราเมื่อไม่กี่นาทีก่อน เข้าที่แขนและหน้าท้องของเขา ผู้ชุมนุมบางคนที่หลบอยู่ข้างเดียวกับเราพยายามโยนเชือกเข้าไปช่วยดึงผู้บาดเจ็บออกมา แต่ทาไม่สาเร็จ การยิงไม่เคยหยุดชะงักลงเลย ผู้ชุมนุมอีกคนหนึ่งที่พยายามคลานหนีออกมาถูกยิงที่ขาและไหล่ ผู้ชุมนุมคนหนึ่งวิ่งมาทางเราได้สาเร็จ ผมเริ่มสูญเสียความรู้สึกว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด ผู้ชุมนุมอีกคนหนึ่งข้ามมาทางเราได้ อีกคนหนึ่งถูกยิงที่แขน หลังจากนั้นอีกพักหนึ่งคนสองคนที่บาดเจ็บไม่มากวิ่งมาทางเรา คนหนึ่งล้มลงและคลานต่อไปจนถึง
ที่ปลอดภัย ผมเกรงว่าเขาจะถูกยิงอีกแล้ว

การยิงเริ่มต้นขึ้น
ผู้ชุมนุมทางขวาถูกยิงที่หน้าท้องและแขน
เขากลิ้งไปทางเพื่อน
ผู้ชุมนุมคนแรกที่วิ่งออกมาได้
คนที่สองที่วิ่งออกมาสาเร็จ
ผู้ชุมนุมในเสื้อสีเทาถูกยิงที่ขาและไหล่ คนชุดขาวถูกยิงที่แขน
ผู้ได้รับบาดเจ็บสองคนหลบออกมาสาเร็จ

ข้างหลังของปั๊มน้ามันมีห้องสุขาซึ่งกลายเป็นโซนปลอดภัยชั่วคราว ผู้ชุมนุมที่มีแผลที่ไหล่และขาได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย เขาและผู้ชุมนุมอีกคนหนึ่งที่ถูกยิงที่แขน พร้อมด้วยนักข่าวอีกสองสามคนปีนข้ามกาแพงออกไป ผมกลับไปที่จุดเดิมเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้ชุมนุมที่ยังติดอยู่หลังกองยางรถยนต์ ผู้ชุมนุมอีกคนหนึ่งหลบไปสู่ที่ปลอดภัยได้ เขาวิ่งผ่านหน้าปั๊มน้ามันไป

ที่สุขา แผลที่ถูกกระสุนเฉี่ยว
วิ่งหลบไปได้อย่างปลอดภัย
ผู้ชุมนุมที่ถูกยิงที่ท้องไปถึงหน้าห้องสุขา

ผมตระหนักด้วยความหวาดหวั่นว่าทหารเริ่มเคลื่อนมาทางเรา พวกเขายิงเข้ามาในปั๊ม ผมแอบอยู่ข้างหลังรถที่จอดอยู่ที่นั่น แต่รู้สึกแย่มากๆ ว่าผมอยู่ในจุดที่ผิด และผมต้องออกไปจากที่นั่นให้เร็วที่สุด ผมวิ่งกลับไปที่ห้องสุขา ประมาณ 40 เมตรถัดไป รู้สึกว่าผมถูกไล่ยิงขณะวิ่ง ขาของผมล้าจนแทบล้มลง ความกลัวที่เปล่าเปลือยและน่ากลัวอย่างเหลือเชื่อ

ทันทีหลังจากนั้น ก็มีคนลากผู้ชุมนุมที่ถูกยิงที่ท้องเข้ามา ผมถ่ายรูปสองสามใบ และปีนกาแพงหนีออกไปเหมือนกัน กระโดดลงไปในสวนสวยๆ หลังบ้านแห่งหนึ่งที่ขนาบข้างด้วยบ้านไม้ขนาดเล็กสองหลัง หลังบ้านนี้มีนักข่าวและผู้ชุมนุมกลุ่มย่อยมาออกันอยู่ คนที่อยู่ในบ้านนั้นเอาน้าออกมาให้เรา ผมเห็นว่าที่กาแพงมีคนพยายามยกตัวคนเจ็บออกมา ผมไปที่กาแพงเพื่อพยายามช่วย หลังกาแพงผมได้ยินเสียงทหารวิ่งมาทางปั๊ม คนสองคนที่ช่วยกันยกตัวคนเจ็บพ้นกาแพงวิ่งไปทางบ้าน ผมมองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว กด
ตัวเองแนบกับพุ่มไม้หลังกาแพง ผมเห็นคนเจ็บหลบเข้าไปในทะเลสาบเทียมที่กาแพง ห่างจากผมไปประมาณ 10 เมตร

ผมได้ยินเสียงทหารตะโกนจากหลังกาแพง พวกเขาอยู่ที่ปั๊ม ผุ้ชุมนุมบางคนต้องยังอยู่ที่ห้องสุขา ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงปืนรัวติดกันหลายนัด เห็นปลอกกระสุนบินข้ามกาแพงมา ได้ยินเสียงร้องขอชีวิต เสียงตะโกน และเสียงที่เหมือนกับรองเท้าบู้ตเตะเนื้อคน ผมกลัวชนิดที่ไม่เคยกลัวมาก่อนในชีวิต ติดอยู่หลังกาแพงนั่น ผมภาวนาว่าขออย่าให้มีใครโทรฯ เข้ามือถือผมเดี๋ยวนั้นเลย ผมกลัวมากว่าทหารจะยิงข้ามกาแพงมา เพราะพวกเขาต้องรู้ว่ามีคนปีนข้ามมาทางนี้

ผมได้ยินเสียงทหารสั่งว่า ให้ออกมาไม่อย่างนั้นจะยิงตาย ตอนแรกผมนึกว่าเขาหมายถึงผม แต่แล้วผมก็เห็นหัวทหารโผล่พ้นกาแพง ตะโกนใส่คนที่อยู่ในน้า ผมตัดสินใจว่าผมควรจะแสดงตัว ก็เลยตะโกนออกไปว่าผมเป็นนักข่าวต่างชาติ ขอร้องว่าอย่ายิงผมเลยครับ ผมตะโกนอยู่สองสามครั้งก่อนที่ทหารจะมองเห็น ผมชูมือให้เห็นว่าว่างเปล่า เขาสั่งให้ผมเดินออกมา ผมเดินไปหาเขาและอธิบายว่าคนที่อยู่ในน้าถูกยิงที่ท้องและแขน อาการสาหัส เขาลอยตัวอยู่ในน้า หน้าและท้องของเขาอยู่ปริ่มน้าเท่านั้น
ทหารคนนั้นสั่งให้ผมดึงชายผู้นั้นขึ้นมา ทหารอีกคนหนึ่งกระโดดข้ามกาแพงมา คนที่สามเฝ้าอยู่เหนือกาแพง ขณะที่ผมพยายามดึงตัวคนเจ็บออกมาจากน้า เขาวิงวอนด้วยเสียงอ่อนว่าเขาทนไม่ได้แล้ว ตัวของเขาหนักเกินไป ผมขอให้ทหารคนหนึ่งมาช่วยผม ได้โปรดเถอะครับ ขณะที่กระชากตัวคนเจ็บขึ้นมา ทหารก็ตะโกนว่าชายผู้นี้ควรตาย พวกทหารจะต้องพาเขาไปโรงพยาบาลเพราะเขาไม่ตาย บอกว่าเขาสมควรตาย เสร็จแล้วทหารคนนี้ก็เดินจากไป

ชายคนเจ็บหล่นลงน้าไปอีกครั้ง ทหารคนที่สองช่วยผมดึงตัวเขาขึ้นมาขณะที่ทหารคนแรกยังตะโกนไม่หยุด ทหารคนที่สามที่กาแพงสั่งให้ผมดูแลคนเจ็บ ผมตอบว่าผมไม่รู้เลยว่าจะทาอย่างไร เขาถูกยิงสาหัสที่หน้าท้อง ผมเลิกเสื้อชายผู้นี้ให้ดูรูกระสุนเล็กๆ ที่ท้อง ผมคุกเข่าลงกับพื้น คนเจ็บขอให้ผมชูแขนที่บาดเจ็บและพลิกตัวเขาไปอีกข้างหนึ่งเพราะเขาหายใจไม่ออกแล้ว ผมทาตามที่เขาบอกขณะที่เขาร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด

ทหารสั่งเอาเปลหามเข้ามา และสั่งไม่ให้ผมถ่ายรูป ทหารคนแรกเดินไปที่บ้าน ผมบอกเขาว่าในนั้นมีนักข่าวต่างชาติอยู่หลายคน ทหารเอาปืนจี้สั่งให้นักข่าวออกมา และสั่งให้พวกเขาหามคนเจ็บออกไปทางประตูบ้าน ไปทางปั๊มน้ามัน ผมทรุดตัวนั่งอยู่ที่บ้าน รู้สึกใกล้จะสลบ มือสั่นทั้งสองข้าง
ผมใช้เวลานานมากกว่าจะรวบรวมสติได้ เราได้ยินเสียงหวอของรถพยาบาล และเสียงปืนที่ยิงจากทหารในปั๊มน้ามัน คนที่อยู่ในละแวกนั้นทากาแฟให้เราดื่ม ช่างภาพหนังสือพิมพ์แนวหน้าชื่อ เต้น ใช้มือถือติดต่อกับโลกภายนอกได้สาเร็จ ส่งข่าวว่าพวกเราติดอยู่ในนี้ – Thilo Thielke นักข่าวของ Spiegel, ทีมช่างภาพจากอินโดนีเซีย, ช่างภาพท้องถิ่นที่ทางานให้กับ ABC News, ผม และผู้ชุมนุมบางคนที่กลายเป็นคนขับรถจาเป็นให้กับพวกเราเหล่านักข่าวต่างชาติ

ผมโทรศัพท์หาภรรยาและเพื่อนร่วมงานข้างนอก บอกพวกเขาว่าผมปลอดภัย เราได้ยินข่าวว่านักข่าวบางคนได้รับบาดเจ็บ บทสนทนาผ่านมือถือว่าจะเอาพวกเราออกไปอย่างไรนั้นกินเวลาหลายชั่วโมง เสียงปืนดังไม่หยุด มองออกไปไกลๆ ทางเวที เราได้ยินเสียงระเบิดเอ็ม 79 จากทิศสามเหลี่ยมดินแดงเราไม่ได้ยินเสียงปืนเลย ดูเหมือนว่า ศอฉ. รวมทั้งนายกฯ จะมีการประชุมเกี่ยวกับพวกเรา คนที่อยู่ละแวกนั้นทาอาหารเย็นให้เราทาน เจ้าของบ้านออกมา พูดภาษาเยอรมันคล่องมาก บอกว่าเขาอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว ที่ทางานอยู่ห่างจากอพาร์ตเม้นท์ของคุณพ่อผมไปประมาณ 10 นาทีเดิน

หลังจากที่เราทานอาหารเย็นเสร็จ เราก็ได้รับคาแนะนาให้ออกมาทางประตูหน้า เดินผ่านปั๊มไปทางทหารที่อยู่ที่ซอยรางน้า เราขอให้ทหารมารับเราได้ไหมเพราะเราไม่เชื่อมั่นพอที่จะเดินออกไปในที่แจ้ง คาตอบคือถ้าทาอย่างนั้นทหารก็จะกลายเป็นเป้า ดังนั้นพวกเขาจึงมารับเราไม่ได้ เราตัดสินใจกันว่าเราต้องหาทางปีนกาแพงหลังออกไป ถึงตอนนั้นก็มืดแล้ว เราได้รับการบอกเล่าว่ามีสไนเปอร์อยู่บนตึกสูงแถวนี้ทุกตึก มีกองกาลังไม่ทราบฝ่ายที่อาจจะโจมตีทหาร และดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะมารับเรา

เราโทรศัพท์กันอีกหลายครั้งและปรึกษาว่าทางไหนที่จะปลอดภัย สุดท้ายเราก็ปีนบันไดข้ามกาแพง มีชายคนหนึ่งรอรับเราอยู่ เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ค่อนข้างใกล้กับจุดที่เราอยู่ จนเราต้องย้ายไปยังจุดที่ปลอดภัยกว่าที่อพาร์ตเม้นท์แห่งหนึ่ง หลังจากปรึกษากันอีกสักพัก เราก็ตัดสินใจว่าจะเดินไปทางไหน ปีนข้ามกาแพงอีกกาแพงหนึ่ง ลงไปในซอยเล็กๆ ที่มีคนอยู่ เราถามหาทางออกที่ปลอดภัยที่สุด สุดตรอกนี้มืดมาก มืดมากจริงๆ ผุ้ชุมนุมเสื้อแดงบางคนอยู่ตรงนั้น เรามาถึงใต้สะพานลอยรถข้ามที่สามเหลี่ยมดินแดงพอดี

ผมมองเข้าไปในซอยทางขวามือ มันเหมือนกับจ้องมองเข้าไปในหุบเหวลึก ควันและความมืดสนิทที่สะพานลอยหายเข้าไป เราเดินไปทางซ้าย ไปทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ คนไม่กี่คนซ่อนตัวอยู่ในเงามืด สักพักเราก็ออกมาถึงที่ที่ไฟสว่างกว่าเดิม ชาวบ้านหลายคนอยู่นอกบ้าน เมื่อผมเดินไปถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิผมก็ได้ยินเสียงสวดมนต์ของพระ พระสงฆ์มากกว่า 100 รูปนั่งอยู่ที่อนุสาวรีย์ ภาวนาให้การฆ่ากันยุติ ผมนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างกลับบ้าน เพราะต้องทิ้งมอเตอร์ไซค์ของตัวเองไว้ในซอยแห่งหนึ่งในโซนฆ่าฟัน.

นิค นอสติทซ์ (Nick Nostitz), 15 พฤษภาคม 2553

No comments:

Post a Comment